วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระราชวังโปตาลา


พระราชวังโปตาลา ณ ดินแดนหลังคาโลก
พระราชวังโปตะลา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลาซาบนเขาแดง มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,700 เมตร คำว่า โปตะลามาจากภาษาอินเดียโบราณหมายถึงดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์
พระราชวังโปตะลา สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าสรองตาสันคัมโปกษัตริย์องค์ที่ 32 แห่งราชวงศ์ถู่ฟาน โดยมีชื่อว่าพระราชวังแดง ต่อมาราชวงศ์ถู่ฟานล่มสลาย พระราชวังแห่งนี้จึงถูกทิ้งให้รกร้างทรุดโทรลง จวบจนเมื่อศตวรรษที่17 พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นในดินแดนแห่งนี้
ในปีค.ศ. 1642 องค์ทะไลลามะที่ 5 ได้รวมอำนาจของศาสนจักรและอาณาจักรเข้าไว้ด้วยกัน ลาซากลับเป็นศูนย์กลางของทิเบตอีกครั้ง พระองค์ได้ทำการซ่อมแซมพระราชวังแดงแห่งนี้เสียใหม่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ว่าราชการและที่ประทับ แล้วเปลี่ยนคำเรียกมาเป็นพระราชวังโปตะลา นับจากนั้นมา สถานที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมืองและศาสนาของทิเบตในเวลาต่อมา
พระราชวังโปตะลาเป็นหมู่สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่โตโอฬาร สร้างขึ้นตามลักษณะของขุนเขา เป็นอาคาร 13 ชั้น สูง 117 เมตร มีลักษณะเหมือนป้อมปราการแบบทิเบต เป็นการผสมผสานศิลปะทางสถาปัตยกรรมของทิเบตและจีนโบราณ โดยได้ชื่อว่าเป็น ไข่มุกราตรีแห่งหลังคาโลก
วังขาว
สิ่งปลูกสร้างที่สำคัญของพระราชวังโปตะลาได้แก่ วังขาวและวังแดง รวมถึงสิ่งปลูกสร้างบริเวณเชิงเขาในละแวกใกล้เคียง วังขาว สร้างขึ้นในปี 1648 เป็นสถานที่ซึ่งองค์ทะไลลามะใช้ในการดูแลบริหารบ้านเมืองและพระศาสนา เป็นอาคารสูง 7 ชั้น ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ
ส่วนวังแดง ตั้งอยู่กึ่งกลางพระราชวังโปตะลา สิ่งปลูกสร้างหลักสร้างเสร็จในปี 1964 แบ่งออกเป็น 6 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานองค์สถูปของทะไลลามะ และเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
โดยรอบของพระราชวังโปตะลายังประกอบไปด้วย โรงเรียนสอนศาสนา กุฏิพระ และห้องหับต่าง ๆ ทางปีกตะวันออกและตก นอกจากนี้ ยังมีเขตเมืองเก่า เทศบาลท้องถิ่น โรงพิมพ์พระคัมภีร์ คุกคุมขัง สระน้ำและสวน เป็นต้น
จากช่วงกลางศตวรรษที่ 17 จนถึงก่อนหน้าที่กองทัพแดงของจีนจะเข้าปลดแอกทิเบตในปี 1959 พระราชวังโปตะลามีสถานะเป็นพระราชวังฤดูหนาวขององค์ทะไลลามะ และเป็นที่ประกอบกิจกรรมทางการเมืองการปกครอง และศาสนกิจมาโดยตลอด ถือเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งในทางอาณาจักรและศาสนจักรของทิเบต และยังเป็นตัวแทนชิ้นเอกของผลงานทางศิลปวัฒนธรรมและศาสนาของชนชาติทิเบตอีกด้วย
ข้อมูล
พระราชวังโปตะลา มรดกโลกทางวัฒนธรรม ปีค.ศ. 1994 และวัดต้าเจาหรือวัดชอคัง
ที่ตั้ง- เมืองลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต
สร้างในราวศตวรรษที่ 7
อาณาเขต 360,000 ตารางเมตร
ตำหนักนอร์บุลิงกะ มรดกโลกทางวัฒนธรรม ปีค.ศ. 2001
สร้างในราวกลางศตวรรษที่ 18 อาณาเขต 3,600,000 ตารางเมตร
ข้อมูลท่องเที่ยว
การเดินทาง
เดินทางสู่ลาซา โดยเครื่องบินจากปักกิ่ง หรือเฉิงตูลงที่สนามบินก้งกา และนั่งรถต่อเข้าสู่ตัวเมือง เดินทางโดยรถไฟจากปักกิ่งลงที่เมืองซีหนิง(มณฑลชิงไห่)  
 และเปลี่ยนขบวนรถมาลงที่เมืองเกอเอ่อมู่ จากนั้นนั่งรถโดยสารระยะทางไกลอีก 1 วัน 1 คืน     เข้าสู่เมืองลาซา ระหว่างทางผ่านความสูงมากกว่า 8,000 เมตร ระวังโรคแพ้ที่สูง
(เส้นทางนี้ใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์จึงจะถึงเมืองลาซา แนะนำเฉพาะผู้รักการผจญภัย ฟังพูดภาษาจีนได้คล่อง และมีเวลาเท่านั้น)
ราคาบัตรผ่านประตู
พระราชวังโปตะลา 100 หยวน ขึ้นหลังคาทองคำ 10 หยวน เข้าชมนิทรรศการอัญมณีและเครื่องประดับ 10 หยวน เปิดทำการทุกวัน 2 เวลา เช้า 9.00-12-00 น. บ่าย 15.00-17.00 น. เว้นวันเทศกาลประจำปีหรือวันที่มีกิจกรรมสำคัญ นอกจากนี้ สระหลงหวังถันรอบวัง ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เปิดทุกวันเวลา 9.00-17.30 น.
การเดินทางขึ้นวังโปตะลา จะเดินขึ้นเขาทางประตูหน้า หรือ นั่งรถแท็กซี่ที่ด้านหลังเขาราคาประมาณ 10 หยวน ขึ้นไปส่งบนยอดเขาและเดินเท้าลงมาก็ได้
วัดต้าเจา 70 หยวน (เข้าได้หลายครั้ง) เปิดให้เข้าชม 9?00?18?00 น. ที่วัดแห่งนี้มีการประกอบพิธีทางศาสนาทุกวัน นอกจากนี้เวลาบ่ายพระลามะจะมารวมกันที่ลานหลังวัดเพื่ออภิปรายคัมภีร์ เป็นการโต้ตอบปุจฉาวิสัชนา ในหัวข้อคำถามเกี่ยวกับคำสอนในตำรา นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้ห่างๆ
เนื่องจากวัดต้าเจาตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย จะเดินเท้าหรือขึ้นรถโดยสารขนาดกลางมาลงที่โรงพยาบาลทิเบต หรือใช้บริการรถสามล้อ ราคา 4 หยวน
ตำหนักนอร์บุลิงกะ 40 หยวน เดินทางโดยรถสามล้อ หรือเดินเท้าก็ได้ อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลกงเหยิน ปัจจุบันอยู่ในบริเวณที่เป็นสวนสาธารณะของเมือง

บทความ