วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กระต่ายตื่น(มะ)ตูม

หลายๆ คนคงตั้งข้อสงสัยว่า ต้นไม้ดังกล่าวนั้น คือ ต้นอะไร? ขอเฉลยเลยว่า มันคือ ต้นมะตูม ต้นไม้ที่ชาวฮินดูนิยมใช้บูชาพระศิวะ ถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ บางตำนานกล่าวไว้ว่า ต้นมะตูมนั้นเกิดจากการบันดาลขององค์พระศิวะเอง แต่บางตำนานก็ว่าเกิดจากพระลักษมีเทวี
หลายๆ คนคงตั้งข้อสงสัยว่า ต้นไม้ดังกล่าวนั้น คือ ต้นอะไร? ขอเฉลยเลยว่า มันคือ ต้นมะตูม ต้นไม้ที่ชาวฮินดูนิยมใช้บูชาพระศิวะ ถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ บางตำนานกล่าวไว้ว่า ต้นมะตูมนั้นเกิดจากการบันดาลขององค์พระศิวะเอง แต่บางตำนานก็ว่าเกิดจากพระลักษมีเทวี

ต้นมะตูมนี้ พบได้ทั่วไปในแถบเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แน่นอนว่ารวมถึงพบในประเทศไทยด้วย กล่าวกันว่า มะตูมมีสรรพคุณทางยามากมาย ทั้ง ใบ ราก และผล ต่างสามารถนำมาปรุงยาได้ทั้งสิ้น
ในอินเดียเองสามารถพบใบมะตูมและผลมะตูมได้ ตามร้านขายดอกไม้บูชา หรือตามโบสถ์ฮินดูต่างๆ ราคาไม่แพงนัก คือ ราวๆ กำละ 10 รูปี ซึ่งชาวฮินดูนิยมซื้อไปบูชาพระศิวะ แต่เราคนไทยซื้อมาจิ้มน้ำพริกกัน
มะตูม มีชื่อเรียกในภาษาฮินดีว่า sirphan ส่วนในภาษาอังกฤษนั้นจะเรียกว่า bael, wood apple หรือ stone apple เมื่อมะตูมได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้ของพระศิวะแล้ว จึงต้องมีความเป็นมาและมีสรรพคุณที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
ตามตำนาน ศิวะปุราณะ กล่าวไว้ว่า มะตูมนั้นเกิดมาจากกายของพระศิวะ ใครก็ตามที่ได้ทำพิธีล้างบาปด้วยต้นมะตูม หรือใบมะตูมนี้ เปรียบเสมือนได้เช่นเดียวกับการอาบน้ำด้วยแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ สายรวมกันเลยทีเดียว อีกทั้งลักษณะของใบมะตูมก็คล้ายกับตรีศูลที่พระศิวะทรงถือในพระหัตถ์ขวา และกล่าวไว้อีกว่า มะตูม มีอำนาจในการชำระล้างจิตใจ และขับไล่ความชั่วร้ายต่างๆ อีกด้วย
ดังนิทานเรื่องที่ว่า มีพรานป่าที่มีจิตใจโหดเหี้ยม ได้ออกไปล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารแก่ครอบครัวของตนเอง ในคืนวัน ศิวะราตรี ที่มีการเฉลิมฉลอง และ บูชาพระศิวะเทพ พรานป่าจึงมุ่งไปที่แม่น้ำและปีนขึ้นต้นไม้เพื่อซุ่มรอสัตว์ป่าลงมากินน้ำโดยไม่ทันสังเกตว่า ต้นไม้ที่ปีนขึ้นไปนั้น คือ ต้นมะตูม และบนต้นมะตูมนั้นมีหม้อใส่น้ำ แขวนอยู่ รวมถึงยังมีศิวะลึงค์อยู่ใต้ต้นไม้อีกด้วย
ครั้นมีกวางมากินน้ำ นายพรานจึงเงื้อธนูขึ้น พร้อมที่จะสังหารกวางตัวนั้น แต่ด้วยความเลินเล่อ ธนูไปกระทบหม้อน้ำที่แขวนอยู่ ทำให้เกิดเสียงดัง และทำให้ใบมะตูมตกลงสู่ศิวะลึงค์เบื้องล่าง จึงนับว่าเป็นการบูชาที่ไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อกวางป่าได้ยินเสียงดังกล่าว จึงอ้อนวอนต่อนายพรานว่า ขอให้ได้กลับไปดูแลลูกน้อยของตนก่อน แล้วจะกลับมาเป็นอาหารให้แก่นายพราน ด้วยการบูชาที่ไม่ได้ตั้งใจนั้น จึงทำให้จิตใจของพรานป่าลดความดุร้ายลง จึงยินยอมปล่อยให้กวางตัวนั้นกลับไปหาลูกๆ ของมัน
สักพักหนึ่งก็มีกวางตัวผู้ ซึ่งมาตามหาภรรยา มาพบเหตุการณ์เดียวกัน คือ พรานป่า ง้างธนู แต่ก็ไปโดนหม้อน้ำที่แขวนอยู่ และใบมะตูมก็ร่วงหล่นใส่ศิวะลึงค์อีกเช่นเคย สุดท้ายเมื่อกวางทั้งคู่กลับไปพบกันที่รังของมัน จึงตกลงใจพากันมาทั้งครอบครัวเพื่อตอบแทนนายพรานและรักษาสัจจะของตน
แต่ด้วยเหตุที่นายพรานได้บูชาศิวะลึงค์โดยใบมะตูมอย่างไม่ได้ตั้งใจนั้น จิตใจของนายพรานจึงถูกชำระล้างและขจัดความหยาบช้าไปด้วยอานิสงส์ของการบูชานั้น จึงยอมปล่อยกวางไปทั้งครอบครัว
จึงกล่าวได้ว่า มะตูม เป็นต้นไม้ที่มีแฝงไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และความเชื่อมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ประเพณีของชาวเนปาล ที่นิยมให้หญิงสาวแต่งงานกับผลมะตูมเสียก่อนที่จะแต่งงานจริงๆ ตราบใดที่ผลมะตูมนั้นไม่แตกเสียหาย จะมีความเชื่อที่ว่าหญิงนั้นจะไม่มีทางเป็นม่าย หรือถ้าเกิดสามีที่เป็นคนจริงๆ เกิดเสียชีวิตขึ้นมาในภายหลัง จะไม่ถือว่าหญิงนั้นอยู่ในฐานะหญิงม่าย เพราะสามีที่แท้จริงคือผลมะตูม หรือพระศิวะนั่นเอง ประเพณีมีชื่อเรียกว่า Bel Baha
แม้แต่ในประเทศไทย ใบมะตูม ถือว่าเป็นของสูง ที่ใช้ในพิธีครอบครู รวมถึงพีธีหลวงต่างๆ เช่น พระมหากษัตริย์จะทรงทัดยอดมะตูมที่หูของพระยาแรกนาขวัญ หรือการทัดหูเพื่อแต่งตั้งทูต รวมถึงการทัดหูในพิธีพระราชทานน้ำสังข์ในงานแต่งงานด้วย
มีเรื่องเล่าของคนไทยโบราณ และยังนิยมทำกันอยู่คือ การนำผลมะตูมไปให้พระเสกด้วยบทคาถา ของพระองคุลีมาล และนำมาต้มให้หญิงท้องแก่กิน จะทำให้คลอดลูกได้ง่าย หรือการนำยอดมะตูม เก้ายอด นำเข็มมาทิ่มพร้อมทั้งว่าคาถา เก้าจบ แล้วจึงนำไปให้เด็กกินทุกเช้า เชื่อกันว่าจะทำให้เด็กมีสติปัญญาดี
ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือว่า กรณีที่มี ผีเข้า เจ้าทรงแล้วไม่ยอมออก ทำยังไงก็ไม่ไป ให้นำใบมะตูมไปทัดหู เขารับรองกันว่า “ร่วงทุกราย”

บทความ